เครียดเกินไปรึเปล่า? ระวังเสี่ยงโรคหัวใจ 💔
0
6
0
โรคหัวใจไม่ใช่เรื่องไกลตัว เพราะเป็นโรคที่เกิดจากพฤติกรรมการกินและใช้ชีวิตที่ไม่ระมัดระวัง
แล้วรู้หรือเปล่าว่าความเครียดก็ส่งผลทำให้เสี่ยงเป็นโรคหัวใจ เมื่อเครียดเรามักจะมีพฤติกรรมที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพหัวใจ มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง?
💥กินอาหารที่ไขมันสูง หรือมีไขมันทรานส์บ่อยๆ ทานมากๆ และเป็นเวลานาน ทำให้ไขมันไปสะสมตามผนังหลอดเลือด ส่งผลให้เกิดภาวะความดันโลหิตสูง เป็นโรคหัวใจ โรคหลอดเลือด และโรคไขมันอุดตันในเส้นเลือด นอกจากนี้ผลข้างเคียงยังทำให้เพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดอีก ทำให้เกิดโรคเบาหวานได้อีกด้วย ส่วนใหญ่จะเป็นพวกเนยเทียม เบเกอรี่ ขนม เค้ก ของทอด เป็นต้น [1]
💥มีน้ำหนักที่มากเกินไป เกินกว่ามาตรฐานสุขภาพ ระดับของไขมันคอเลสเตอรอลและไขมันสะสมในร่างกายสูงกว่าปกติ ทำให้หลอดเลือดหนาขึ้น หลอดเลือดแดงจึงตีบแคบ ส่งผลทำให้เลือดไหลเวียนได้น้อย จนเกิดหลอดเลือดอุดตันในที่สุดและอาจกลายเป็นภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายได้
มีผลทำให้หัวใจโตขึ้น นอกจากเสี่ยงยังมีความเสี่ยงเป็นโรคเบาหวานได้ [2]
💥มีภาวะเครียดติดต่อกันเป็นเวลานานเกินไป แม้การวิจัยจะไม่มีข้อบ่งชัดโดยตรงความเครียดต่อการเกิดโรคหัวใจ แต่ความเครียด สามารถทำให้เกิดปัจจัยความเสี่ยงทำให้เกิดโรคหัวใจได้ ความเครียดจะกระตุ้น ฮอร์โมนอะดรีนาลีน และคอร์ติซอล ส่งผลให้หัวใจเต้นเร็ว เลือดสูบฉีดมากกว่าปกติ กระตุ้นให้หัวใจเต้นเร็วกว่าปกติ และยังทำให้ตับผลิตคอเลสเตอรอลเพิ่มมากขึ้นด้วย ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญทำให้เกิดโรคหัวใจได้นั่นเอง [3]
💥ขาดการออกกำลังกาย หรือพักผ่อนไม่เพียงพอ ถ้าเรานอนเพียงพอจะได้รับโปรตีนสะสมมากขึ้นในหัวใจ แต่ถ้านอนน้อย หรือนอนดึก สารโปรตีนเหล่านี้ ก็จะยิ่งเข้าไปเกาะที่หลอดเลือดหัวใจ จนทำให้เกิดการอุดตัน ได้มีการวิจัยในกลุ่มคนที่ทดลองไม่ได้นอนเป็นเวลา 88 ชม. พบว่ามีความดันเลือดที่สูงมากผิดปกติ มีความเสี่ยงเป็นโรคหัวใจ [4]
💥สูบบุหรี่จัด นิโคตีนและคาร์บอนมอนอกไซด์เป็นสารอันตรายที่อยู่ในบุหรี่ มีผลทำให้หัวใจทำงานหนักมากขึ้น ทำให้หัวใจตีบ หัวใจเต้นเร็ว และความดันโลหิตสูงขึ้น ทำให้เกิดความเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน [5]
หากพบว่าพฤติกรรมของตัวเองตรงกับที่กล่าวมาทั้งหมด ให้ลองหากิจกรรมผ่อนคลายความเครียด ไม่ว่าจะเป็นการแบ่งเวลากันดูก่อนได้ ออกไปเดินเล่นสูดอากาศในช่วงเย็นของวัน หรือดูหนังซีรี่ส์ที่ชอบ และอย่าลืมให้ OSO เป็นตัวช่วยในทุกๆวันของคุณ ให้มีกำลังกลับมา #LIVEFRESH อีกครั้ง
Reference:
[1] https://www.sikarin.com/health/%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2-%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B9%84%E0%B8%82%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%99#:~:text=%E0%B9%84%E0%B8%82%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99,%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%B5%E0%B8%81%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%A2!
[3] https://www.bumrungrad.com/th/health-blog/january-2009/q-a
[4] https://www.rajavithi.go.th/rj/?p=5108